แต่งหน้ารับปริญญากับผลลัพธิ์ที่ต้องยอมรับ

           วันแห่งความสำเร็จอันนำมาซึ่งความภาคภูมิใจ ที่ก่อเกิดขึ้นมาในภายหลังความสำเร็จทางด้านการศึกษาคือวันรับปริญญา จึงเป็นวันที่ผู้มีสิทธิ์เข้าร่วมพิธีต้องสวยเป๊ะ ตั้งแต่หัวจรดเท้า กล่าวคือเครื่องแบบ การแต่งกาย ทรงผม และการแต่งหน้ารับปริญญาที่ถูกระเบียบ

          ซึ่งการแต่งหน้ารับปริญญาที่ว่านี้ ส่วนใหญ่แล้วต้องพึ่งฝีมือการแต่งหน้าจากช่างที่เปิดรับจ้างจองคิว ทั้งในรูปแบบร้านเสริมสวยหรือช่างที่เปิดจองผ่านหน้าเว็บไซต์ ซึ่งบัณฑิตเองต้องยอมรับจากผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นให้ได้จากกรณีที่ว่า

• การเลือกช่างแต่งหน้ารับปริญญาที่ไม่มีประสบการณ์
•     หน้าลบเร็ว
•     เสี่ยงต่อการเกิดสิว
•     บริหารเวลาไม่เป็น ซึ่งมักจะรับจำนวนคนให้มากเข้าไว้ โดยไม่ได้เน้นเรื่องคุณภาพของผลงานที่ตามมาเลย
•     การจัดแต่งทรงผมเป็นรูปแบบบ้านๆ ไม่มีอะไรโดดเด่น อีกทั้งยังเสียทรงง่ายด้วย
• การเลือกช่างแต่งหน้ารับปริญญาที่มีประสบการณ์
•     คุณภาพเครื่องสำอางค์ที่ได้เติมแต่งบนใบหน้าจะติดทนนานตลอดทั้งวัน
•     ไม่ส่งผลระคายเคืองต่อผิวหนัง อันเป็นสาเหตุก่อให้เกิดสิว
•     เนรมิตจัดทรงผมในรูปแบบที่เหมาะสมกับโครงสร้างของใบหน้า
•     ออกแบบเฉดสีที่ใช้แต่งหน้าให้เข้ากับบุคลิกและหน้าตา

           ดังนั้นการเลือกช่างแต่งหน้าจึงส่งผลต่อเนื่องมาจนถึงวันรับปริญญาจริง บัณฑิตอย่าได้มองข้ามการพิจารณาถึงประสบการณ์ของช่างโดยเด็ดขาด เพราะไม่เช่นนั้นแล้วอาจทำให้วันวานเหล่านั้นกลายเป็นวันที่ไม่น่าจดจำเอาได้

คำถามเกี่ยวกับการฉีดฟิลเลอร์

          สารเติมเต็ม ที่เรียกกันว่าฟิลเลอร์ เป็นทางเลือกพื้นฐานสำหรับการเสริมความงามไม่ว่าจะเป็นชาย หรือหญิง เพราะนอกจากจะตอบสนองเพื่อปรับรูปทรงใบหน้าได้ตามความต้องการแล้ว ยังเป็นตัวเลือกที่เหมาะกับผู้กลัวการผ่าตัดแต่อยากสวย อยากหล่อมากที่สุด ซึ่งโดยส่วนใหญ่แล้วมนุษย์เรากลัวที่จะเสี่ยงต่ออันตราย แต่ก็พร้อมที่จะกล้ารับความเสี่ยงนั้นๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเสริมความงาม จึงมักเกิดคำถามต่างๆ ที่บางครั้งอาจได้คำตอบหรือไม่ได้คำตอบ เช่น

• สารเติมเต็มคืออะไร
• สารฟิลเลอร์ชนิด HA (Hyaluronan) มีโครงสร้างของโมเลกุลเหมือนน้ำตาลซูโคลส เป็นสารชนิดหนึ่งที่ร่างกายสามารถสังเคราะห์ หรือผลิตขึ้นมาได้เอง
• การฉีดฟิลเลอร์เสี่ยงต่ออันตรายมากน้อยแค่ไหน
• ซึ่งขึ้นอยู่กับหลายองค์ประกอบได้แก่ ความรู้ และประสบการณณ์ของแพทย์ผู้ทำการวิเคราะห์จุดที่ต้องการฉีด, ความน่าเชื่อถือของคลินิก, การปฏิบัติตัวหลังรับการฉีด, การรับประทานอาหารแสลง, รับประทานยาต้องห้าม, มีโรคประจำตัว และสุดท้ายคือต้องเป็นสารที่ผ่านมาตรฐานการผลิต และการรับรองอย่างถูกต้องตามกฎหมาย
• บริเวณไหนที่นิยมฉีดฟิลเลอร์มากที่สุด
• ส่วนใหญ่แล้วนิยมฉีดฟิลเลอร์บริเวณคาง(เพื่อทำให้ใบหน้าเรียว) และปลายจมูก(เป็นเทคนิกการเสริมจมูกที่นิยมทำกันมากที่สุด เนื่องจากไม่ต้องเสี่ยงต่อจมูกทะลุอันเนื่องมาจากการเหลาซิลิโคนไม่ดี)
• พฤติกรรมที่ควรหลีกเลี่ยงหลังการฉีดสารเติมเต็ม
• งดยาจำพวกแอสไพริน วิตามินอี และหลีกเลี่ยงแสงแดด
• ฉีดสารฟิลเลอร์กับคลินิกไหนจึงจะปลอดภัย
• คำถามนี้ผู้เข้ารับการรักษาความศึกษาข้อมูลความน่าเชื่อถือโดยละเอียด ผ่านสื่อออนไลน์ เพราะหากกลายเป็นที่ยอมรับย้อมที่กลุ่มผู้ป่วยให้การสนับสนุน และพูดถึงอย่างกว้างขวางเป็นแน่

ทำไมการทำศัลยกรรมจึงมีความเสี่ยง(แต่ได้รับความนิยม)

          รูปร่าง ทรวดทรง องเอว และหน้าตา เป็นใบเบิกทางสำหรับสร้างความมั่นใจ จึงทำให้หลายคนเลือกที่จะสวยด้วยนวัตกรรมทางการแพทย์ โดยไม่คำนึงถึงผลลัพธ์ที่จะตามมา และเป็นเรื่องที่น่าประหลาดจยิ่งนัก ที่นัดวันมีอัตราความเสี่ยงอันตรายมากเพียงใด ผู้คนต่างหลั่งไหลกันไปทำศัลยกรรมมากตามไปด้วย

          ซึ่งสาเหตุที่ทำให้ผลการทำศัลยกรรมเสี่ยงต่อร่างกาย และชีวิตได้แก่

• ตัวแพทย์ผู้ทำการผ่าตัด ที่ไม่มีประสบการณ์ หรือขาดความรู้ความเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน ซึ่งไม่เพียงจะทำให้ผู้ทำเกิดอันตรายเท่านั้น แต่ยังเป็นเหตุทำให้ผู้ป่วยต้องเข้ารับการรักษาหรือการทำศัลยกรรมความงามอย่างต่อเนื่อง(ดังที่เรียกว่า โรคติดศัลยกรรม)
• ตัวผู้เข้ารับการผ่าตัด ขาดการพิจารณา ตริตรอง ถึงความน่าเชื่อถือในสถาบันการแพทย์นั้นๆ ว่าเป็นที่ยอมรับจากกลุ่มผู้ป่วยมากน้อยแค่ไหน
• สถาบันหรือคลินิกเถื่อน ดั่งที่ได้เห็นตามสื่อตามๆ ว่ามีการจับคลินิกเสริมความงามเถื่อน เนื่องจากไม่ผ่านมาตรฐานความปลอดภัยที่ทางกฎหมายได้กำหนด แต่ยังผ่าฝืนทำ โดยไม่คำนึงถึงผลลัพธิ์ที่ตามมาเลยแม้แต่น้อย

          ดังนั้นความเสี่ยงจะเกิดกับตัวท่านมากหรือน้อยนั้น ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของตัวผู้ทำเอง และจงอย่าคาดหวังว่าผลการทำศัลยกรรมความงามจะออกมาสมบูรณ์แบบเสมอ ควรเผื่อใจเอาไว้บ้าง

ซื้อป๊อปคอร์นที่ไหนถึงจะปลอดภัย

           การเลือกอุโภค บริโภคอาหารเป็นเรื่องที่ไม่ควรมองข้ามเป็นอันขาด โดยเฉพาะอาหารกินเล่น ยามว่าง อย่างเช่น ป๊อปคอร์น ที่ส่วนมากแล้วจำหน่ายอยู่ที่หน้าโรงภาพยนต์ นั้นเป็นเพราะสามารถทำได้ง่าย ไม่ยุ่งยาก เหมือนอย่างเช่นอาหารประเภทอื่น ใช้เวลาเพียงไม่ถึง 5 นาที ก็คั่วเมล็ดข้าวโพดได้แตก สุก น่ารับประทานแล้ว โดยการใช้เครื่องทำป๊อปคอร์ที่มีมาตรฐานการให้ความร้อนที่คงที่ และมีมาตรฐานความปลอดภัยไร้สารพิษปนเปื้อน อย่างเช่น

• หม้อที่ใช้คั่วป๊อปคอร์นทำมาจากอลูมิเนียมชั่นดี ไม่บุบ หรือมีสนิมเกาะติดอยู่
• มีไฟแสดงสถานะการทำงานมห้ห็นได้อย่างชัดเจน
• มีระบบป้องกันไฟรั่ว หรือไฟดูุุด
• เป็นเครื่องที่สามารถทำความสะอาดได้ง่าย เพื่อป้องกันสารอาหารตกค้าง

           หากเลือกซื้อป๊อปคอร์นมาอบ รับประทานเองที่บ้านควรเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ที่ผิดสนิท ไม่มีอากาศเข้า เพราะความชื้นจะทำให้เมล็ดข้าวโพดไม่ได้คุณภาพ ผ่านมาตรฐานการตรวจสอบจากอุตสาหกรรมอาหารเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

          ส่วนเรื่องส่วนผสม หรือสารปรุงรส ต้องไม่ก่อให้เกิดอันตรายต่อร่างกายหรือส่งผลกระทบต่อสุขภาพร่างกาย เช่น ไขมัน น้ำตาล ควรบริโภคแต่น้อย

สิ่งที่เกิดขึ้นหลังเสริมจมูก

          การเสริมจมูกเป็นการศัลยกรรมความสวยความงามที่ต่างก็ย่อมรับทั่วโลกอยู่แล้ว ไม่ใช่แค่คนไทยเท่านั้นที่นิยมทำศัลยกรรมและมองว่าการทำศัลยกรรมเป็นเรื่องปรกติธรรมดา ต่างประเทศก็เช่นกัน ไม่ว่าจะเป็น ญี่ปุ่น เกาหลี จีน ต่างก็เห็นว่าการทำศัลยกรรมเป็นเรื่องของการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างของรูปร่างหน้าตาของเราให้เป็นไปตามความเหมาะสม และบวกด้วยความสวยงามเข้ามาเป็นองค์ประกอบหนึ่งด้วย ประเทศศัลยกรรมอันดับ 1 ที่คนไทยนิยมทำกันมากคือ เสริมจมูก ซึ่งเป็นที่นิยมมากในกลุ่มหนุ่มสาว ที่ต่างให้ความสำคัญกับรูปร่างหน้าตามากขึ้น แต่อย่างไรก็ตามการเสริมจมูกก็ไม่ใช่ว่าจะได้ผลที่ดีที่สุดกับผู้ป่วยทุกราย เพราะจากที่พบปัญหา เช่น

• การใช้ซิลิโคนแท่งสั้นไป ทำให้เกิดลักษณะจมูกกุด สั้น 
• การใช้ซิลิโคนแท่งยาวเกินไป ทำให้เกิดปัญหาทะลุ หรือ จมูกงุ้ม (Polybeak deformity) การเหลาแท่งซิลิโคนไม่ละเอียด ใหญ่เกินไป จะเห็นเป็นขอบสองข้างชัดเจน 
• การวางซิลิโคนผิดตำแหน่ง ทำให้จมูกที่ได้ดูสูงและไม่เป็นธรรมชาติ 

          ซึ่งสาเหตุที่อาจเกิดขึ้นนั้นสามารถเกิดได้กับทุกคนที่ทำการผ่าตัดเสริมจมูก และยิ่งสภาพร่างกายของแต่ละคนไม่เหมือนกัน ดังนี้การต่อต้านสิ่งแปลกปลอดอย่างที่ซิลิโคนที่ได้นำไปไว้ใต้ผิวก็ยิ่งต่างกัน

รักษาอาการนอกกรนที่คลินิกนอนกรน

          ปัจจุบันมีคลินิกอยู่มากมายหลายประเภทที่ให้บริการรักษาโรคหรือปัญหาเกี่ยวกับสุขภาพไว้อย่างครบวงจร เช่น คลินิกหู คอ จมูก คลินิกเสริมความงาม แต่เดี๋ยวนี้มีคลินิกอีกประเภทหนึ่งเพิ่งเกิดขึ้นได้ไม่นอน คือคลินิกนอนกรน ซึ่งเป็นคลินิกที่รับรักษาคนที่มีอาการนอนกรนโดยเฉพาะ ซึ่งบางรายอาจมีอาการที่รุนแรง ทำให้มีแนวโน้มที่จะเป็นโรคหยุดหายใจขณะนอนหลับ การเกิดคลินิกรักษาอาการนอนกรน ทำให้หลายคนตระหนักและให้ความสำคัญกับการรักษาหรือบำบัดอาการนอนกรนกันมากขึ้น
          การนอนกรน แม้จะไม่ใช่โรคหรืออาการที่ทำส่งผลกระทบทางกายภาพ เช่น บาดแผล ติดเชื้อ เจ็บปวด หรือทรมาน แต่การนอนกรนก็ถือว่าเป็นภัยเงียบที่เราคาดไม่ถึง เพราะมันจะมาจู่โจมเราในยามนอนหลับ...ห้วงเวลาที่ทุกคนรู้ว่าเป็นเวลาที่ร่างกายได้หยุดทำงาน พักผ่อน ดูแลและซ่อมแซมการทำงานของระบบในร่างกาย นั่นจึงทำให้เราละเลยที่จะใส่ใจสุขภาพการนอนหลับของตัวเอง
          การนอนกรนส่งผลต่อเราทั้งด้านสุขภาพกายและสุขภาพใจ เรารู้กันดีว่าการนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ จะทำให้เรามีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรง พร้อมรับกับกิจวัตรประจำวันได้อย่างเต็มที่ การนอนหลับให้เพียงพอไม่ได้หมายถึงการนอนให้ครบ 8 ชั่วโมงโดยประมาณ แล้วสุขภาพในการนอนของคุณจะดี การกรนเป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้สุขภาพการนอนของคุณไม่ดี เนื่องจากไปขัดขวางการหายใจในระหว่างเวลาหลับ ทำให้การนอนของคุณในแต่ละครั้งไม่เต็มอิ่ม เพราะร่างกายไม่ได้รับการพักผ่อนอย่างเต็มที่นั่นเอง จึงเป็นมูลเหตุแห่งความอ่อนเพลียและเมื่อยล้า คุณก็จะหงุดหงิด และได้แต่สงสัยว่าก็นอนครบตามมาตรฐานการนอนแล้ว แต่ทำไมยังง่วง ไม่สดชื่นแจ่มใส และนานๆเข้าก็จะส่งผลถึงสุขภาพในระดับที่ถึงขั้นเสียชีวิต ฉะนั้นอย่าได้ละเลยที่จะดูแลสุขภาพการนอนของตัวเองเป็นอันขาด หากคุณไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นยังไง คลินิกนอนกรนสามารถแนะนำวิธีการปฏิบัตตนให้คุณมีสุขภาพการนอนที่ดีได้ และสามารถรักษาอาการนอนกรนของคุณได้ด้วย

ผ้าปิดจมูกเพื่อสุขภาพที่ดีต่อตัวคุณและคนรอบข้าง

           เมื่อคุณไม่สบาย ต้องไอแค่กๆเสียงดัง ซึ่งเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา คุณคงรู้สึกว่าตัวเองเป็นตัวประหลาด ทำให้คนที่เดินผ่านไปผ่านมาต้องหันมามองคุณด้วยความประหลาดใจหรือใคร่รู้ เป็นตัวปัญหา ทำให้คนรอบข้างรำคาญ เป็นพาหะนำโรค ทำให้คนอื่นไม่สบายตามเรา จะไปไหนมาไหนก็ไม่สนุกและสะดวก เพราะตัวเองก็ป่วย ร่างกายไม่สมบูรณ์เต็มร้อยพอที่จะเผชิญกับโลกภายนอก ถ้าไม่อยากประสบเหตุการณ์อย่างนี้ต้องทำอย่างไร การใช้ผ้าปิดจมูกเมื่อคุณอยู่ในที่สาธารณะ เป็นสิ่งที่คุณควรทำมากที่สุด เพราะสร้างผลดีต่อทั้งสุขภาพของคุณเอง และต่อสังคมรอบข้างของคุณ
           การใช้ผ้าปิดจมูกเมื่ออยู่ในที่สาธารณะ ส่งผลดีต่อสุขภาพอย่างแน่นอน ไม่ใช่เพียงสุขภาพของคุณเท่านั้น แต่ยังเป็นผลดีต่อสุขภาพของคนรอบข้างด้วย เนื่องจากช่วยป้องกันไม่ให้เชื้อโรคที่อยู่ในร่างกายคุณแพร่กระจายในอากาศและติดต่อสู่ผู้อื่นได้ ในขณะเดียวกัน ก็ป้องกันเชื้อโรคหรือมลภาวะต่างๆเข้าสู่ร่างกายคุณผ่านระบบทางเดินหายใจ ที่อาจเข้าไปทำลายระบบภูมิคุ้มกันในร่างกายของคุณที่ไม่สมบูรณ์อยู่แล้วให้น้อยลงกว่าเดิม การใช้ผ้าปิดจมูกจึงเป็นการเอาใจเขามาใส่ใจเรา
           ส่วนในแง่ของผลดีต่อสังคมคืออะไร คือการไม่นำเชื้อโรคไปแพร่สู่ผู้อื่นหนึ่ง สองคือถ้าคุณกลัวคนอื่นจะรำคาญเสียงไอหรือจามของคุณ การใช้ผ้าปิดจมูกก็ช่วยให้เสียงไอหรือจามเบาลง นอกจากนี้การใช้ผ้าปิดจมูกก็ยังเป็นเหมือนสัญลักษณ์ที่ประกาศเตือนคนรอบข้างว่า “ฉันกำลังป่วยนะ พวกคุณก็ระวังเชื้อโรคจากฉันไปติดคุณล่ะ ระวังให้ดี แล้วอย่ามาหาว่าไม่เตือน!”

ถุงมือยาง | Medical Glove

            แม้ถุงมือจะเป็นอุปกรณ์สำคัญของผู้ประกอบอาชีพหลายๆอาชีพที่ต้องคำนึงถึงความสะอาดเป็นสำคัญ แต่ถุงมือที่คนทุกอาชีพต้องสวมใส่เวลาทำงานนั้น ไม่ใช่ว่าจะใช้แบบไหนก็ได้ ตามความสะดวกหรือตามแต่จะหาซื้อได้ แต่จะต้องใช้ในถูกต้องกับลักษณะของงานด้วย จึงจะสามารถใช้งานได้สะดวกและเพื่อความสะอาดของตัวผู้สวมใส่เองด้วย แพทย์ก็เป็นอีกอาชีพหนึ่งที่ต้องสวมถุงมือยางทุกครั้งเวลาปฏิบัติงาน เพื่อสุขอนามัยของตัวแพทย์และเพื่อคุณภาพในการรักษาด้วย เพราะต้องสัมผัสกับเชื้อโรคหรือความสกปรกต่างๆโดยตรง ซึ่งถุงมือยางสำหรับแพทย์มี 2 แบบ คือ

1. ถุงมือแพทย์สำหรับงานตรวจโรคทั่วไป (Examination Glove) เป็นถุงมือลักษณะยางเนื้อบาง กระชับมือสั้นแค่ข้อมือ ไม่แยกข้างซ้าย หรือข้างขวา เป็นถุงมือแบบใช้ครั้งเดียวทิ้ง ไม่นำกลับมาซ้ำ เพื่อป้องกันการแพร่กระจายของเชื้อโรค ต้องใส่ง่าย แกะห่อสะดวกและรวดเร็ว ราคาไม่แพงเกินไป
2. ถุงมือแพทย์สำหรับงานผ่าตัดหรือทางศัลยกรรม (Surgical Glove) เป็นถุงมือยางเนื้อบาง เหนียว ทนทานและยาวถึงข้อศอก ผ่านการฆ่าเชื้อ 100% โดยเครื่องแกรมมาเรย์ ต้องได้รับการบรรจุมาอย่างประณีต สะดวกเวลาแกะใช้ ใช้ครั้งเดียวทิ้งเหมือนถุงมือสำหรับงานตรวจทั่วไป ผลิตจากน้ำยางธรรมชาติ และใช้เทคโนโลยีการผลิตสูง จึงเป็นถุงมือยางที่มีความสะอาดและคุณภาพสูง

อยากขาวต้องใช้กลูต้าไธโอนแบบฉีด

           สื่อโฆษณาชวนเชื้อที่โพสไว้ตามหน้าเว็บทั่วไป ที่ต้องการขายสินค้าประเภทเร่งหรือปรับสีผิวให้กระจ่างขาวใสขึ้นได้นั้น ส่วนใหญ่แล้วเป็นนข้อมูลเกินความเป็นจริง ดังนั้นควรตรวจเช็คแหล่งข่าวหรือข้อมูลต่างๆ ก่อนตัดสินใจซื้อ ดังเช่น การเลือกซื้อ กลูต้าไธโอนแบบฉีด ที่มีคำบรรยายไว้อย่างเป็นทางการว่าเข็มเดียวก็ขาวได้นั้น เป็นความเชื่อแบบผิดๆ เพราะความเป็นจริงแล้วประสิทธิภาพของกลูต้าขึ้นอยู่กับปัจจัยดังต่อไปนี้คือ

• เซลล์ความเข้มของสีผิว
• ปริมาณความเข้มข้อนของสารกลูต้าที่บรรจุหรือระบุไว้ข้างกล่องเหมาะสมกับการปรับสีผิวหรือไม่
• ขั้นตอนหรือวิธีการใช้ ซึ่งในความเป็นจริงแล้วการนำกลูต้าเข้าสู่ร่างกายนั้นสามารถทำได้หลายช่องทาง เช่น การรับประทาน อาจอยู่ในรูปแบบอาหารเสริมชนิดแคปซูล หรืออาหารผลิตภัฑณ์อาหารเสริมความงามต่างๆ, การทาโลชั่นที่มีส่วนผสมของสารกลูต้าไธโอน, การชำระล่างร่างกาย, การฉีดกลูต้าเข้าสู่ร่างการเป็นต้น แต่ขึ้นตอนที่ได้รับความนิยมสูงที่สุดคือ การใช้กลูต้าไธโอนแบบฉีด โดยวิธีการฉีดเข้าสู่ร่างกายทางกร้ามเนื้อและทางเส้นเลือด แต่วิธีที่ได้ผลลัพธิ์เป็นที่พึงพอใจของกลุ่มผู้ใช้มากที่สุดคือ การฉีดเข้าทางเส้นเลือด แต่เป็นขึ้นตอนที่อันตรายต่อร่างกายมากที่สุด ดังนั้นจึงจำเป็นต้องให้แพทย์ผู้เชี่ยวชาญเท่านั้นเป็นผู้ฉีดเพื่อป้องกันอันตรายที่อาจเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ
• การประพฤติปฏิบัติตนขณะได้รับการรักษา โดยการปฏิบัติตามกฎข้อห้ามต่างๆอย่างเคร่งครัด
• ตรวจสอบความถูกต้องของผลิตภัณฑ์สินค้าเกี่ยวกับวันเดือนปีที่ผลิตและหมดอายุ และความเรียบร้อยของกล่องกลูต้าไธโอนแบบฉีดที่ต้องปิดไว้อย่างมิดชิด

ผลิตภัณฑ์ฟู้ดเกรดเชื่อมั่นได้แค่ไหน

            ฟู้ดเกรด ที่พูดถึงกันในวงการอุตสาหกรรมเกี่ยวกับอาหาร ซึ่งผู้ผลิตที่โรงงานจะต้องใช้ผลิตภัณฑ์ที่สามารถสัมผัสอาหารได้อย่างปลอดภัย และได้รับการรับรองคุณภาพมาเรียบร้อยแล้วด้วยเช่นกัน แล้วเพื่อนๆ อย่างทราบมั้ยล่ะค่ะว่า ผลิตภัณฑ์ฟู้ดเกรด นั้นมีความสำคัญอย่างไรกับผู้บริโภคอย่างเราบ้าง และหากผู้ผลิตใช้ผลิตภัณฑ์นี้แล้วจะส่งผลในด้านใดบ้าง ขออธิบายให้เพื่อนและกลุ่มผู้บริโภคให้เข้าใจง่ายๆ ในฐานะผู้บริโภคเช่นกันน่ะค่ะ

            ก่อนอื่นมาทำความรู้จักกับ "ผลิตภัณฑ์ฟู้ดเกรด" กันก่อนค่ะ ผลิตภัณฑ์ชนิดที่ผ่านการรับรองมาตรฐานสากลมาแล้วว่า สามารถสัมผัสกับอาหาร เครื่องดื่ม ยา เครื่องสำอางค์ นั้นเอง ซึ่งเป็นการรับรองจากหน่วยงานต่างประเทศโดยผู้ผลิตจะต้องของอนุญาติอย่างถูกต้อง และจะมีการตรวจสอบคุณภาพของผลิตภัณฑ์ถ้าผ่านก็ขึ้นทะเบียนเป็นผลิตภัณฑ์ฟู้ดเกรดนั้นเองค่ะ แล้วมีความสำคัญอย่างไรต่อเรา อันดับแรกเลยคือ คุณภาพของอาหาร ซึ่งแน่นอนว่าจะหยิบจะซื้ออะไร ถ้าไม่มี อย. รับรองคุณจะกล้าเสี่ยงใช้ของสิ่งนี้หรือถ้าเป็นอาหารคุณจะกล้าทานหรือป่าว หลายๆ คนเริ่มคิดแล้วซินะค่ะ เพราะการรับรองจาก อย. นั้นมีหน้าที่ตรวจสอบคุณภาพตั้งแต่การเลือกวัตถุดิบ การผลิต การบรรจุ หรือแม้แต่คุณภาพองค์กร และถ้าขนมห่อไหนมี อย. รับรอง ก็จะสามารถเชื่อมั่นได้ว่า มีคุณภาพแล้วปลอดภัยนั้นเองค่ะ สำหรับในภาคของผู้ผลิตนั้น ลูกค้าวางไว้ใจก็จะส่งผลให้ธุรกิจมีความก้าวหน้า มีชื่อเสียง มีความเป็นมาตรฐาน ต่อไปค่ะ

ผิวยาน-ย้วย สิ่งที่ต้องทำใจหลังการดูดไขมัน

          ปัญหาผิวหย่อนยาน ย้วยหรือแตกลาย แม้จะไม่ใช่โรคภัยไข้เจ็บที่ทำอันตรายต่อร่างกาย แต่ก็ไม่อาจปฏิเสธได้ว่า ปัญหาเรื่องผิวพรรณที่แลดูไม่สวยงามเหล่านี้ก็บั่นทอนความมั่นใจให้กับคนเราอยู่ไม่น้อยเลย ปัญหาเหล่านี้เกิดจากการที่ผิวหนังมีการขยายตัวหรือหดตัวอย่างรวดเร็ว ผิวหนังอยู่ในสภาวะที่ปรับตัวกับการเปลี่ยนแปลงนี้ไม่ทัน ทำให้ผิวหนังมีการเปลี่ยนแปลงที่ไม่เป็นธรรมชาติ ไม่น่ามองเท่าไร

          การดูดไขมันออกไปในปริมาณมากๆภายในครั้งเดียว เป็นหนึ่งสาเหตุที่ทำให้ผิวหนังผิวหนังหดตัวอย่างรวดเร็ว สิ่งที่ผู้ใช้บริการต้องทำใจหลังการดูดไขมันไว้ล่วงหน้าเลย คือผิวหนังที่มีรอยเหี่ยว ย่น แตกลาย ถ้าคุณไม่พร้อมที่จะรับกับสภาพผิวหนังเช่นนี้ได้ คุณก็อาจจะไม่จำเป็นต้องลดความอ้วนด้วยการดูดไขมันก็ได้ แต่ถึงแม้คุณจะพร้อมรับมือและเตรียมใจกับสภาพผิวหนังแบบนี้แล้วก็ตาม แต่ไม่ใช่ว่าคุณจะสามารถดูดไขมันได้ เพราะการตัดสินใจบริการลดน้ำหนักด้วยวิธีนี้ ต้องขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของแพทย์ด้วย เพราะพวกเขาก็ยังห่วงเรื่องความสวยงามของผิวพรรณของคุณหนึ่งล่ะ สองคือแพทย์จะตรวจสภาพผิวหนัวของคุณด้วยว่าเหมาะสมกับการลดน้ำหนักด้วยวิธีนี้ เช็คว่าผิวหนังของคุณมี Elastic ที่ดีและมากเพียงพอที่จะทำให้สภาพผิวหนังหลังการดูดไขมัน ไม่ย้วย ไม่ยานจนเกินไปหรือไม่ 

          แต่ถ้าคุณยังยืนยันที่จะดูดไขมันต่อไป คุณต้องรับกับผิวหนังย่นๆของคุณให้ได้

เมื่อคิดจะใส่คอนแทคเลนส์เป็นครั้งแรก

คอนแทคเลนส์

          สำหรับผู้ที่ต้องการเปลี่ยนตัวเองจากเด็กแว่น ให้กลายเป็นคนที่มั่นใจสามารถมองเห็นได้ด้วยไม่ต้องผ่านเลนส์แว่นหนาๆ ที่ใส่อยู่ทุกวัน การเปลี่ยนมาใส่คอนแทคเลนส์ก็เป็นเรื่องที่ไม่แปลก เพราะในปัจจุบันก็มีคนนิยมใส่คอนแทคกันมาก เพราะด้วยความมั่นใจ ไม่ต้องใส่แว่นให้เกะากะ และการเลือกคอนแทคเลนส์ที่มีขายในอยู่ตามท้องตลาดก็มีหลายแบบให้คุณเลือกใช้ได้ตามความสะดวกเลย

หากคุณเป็นคนที่ใส่คอนแทคเลนส์เป็นครั้งแรก ควรคำนึกถึงปัจจัยอะไรบ้าง

• การใช้ชีวิตประจำวันของคุณ ว่ามีความเหมาะสมกับการใส่เลน์หรือไม่
• ควรทำการวัดระดับสายตาก่อน ว่าคุณมีระดับปัญหาสายตาเท่าใด
• การเลือกผลิตภัณฑ์ที่ความน่าเชื่อถือ แนะนำควรสอบถามตามร้านจำหน่ายแว่นตาชั้นนำทั่วไป
• ตรวจเช็ตสุขภาพดวงตาสม่ำเสมอ เพราะยิ่งเปลี่ยนเลนส์เร็วขึ้น ความเสี่ยงต่อภาวะแทรกซ้อนน้อยลง
• แน่นอนว่าก่อนเลือกใส่คอนแทคเลนส์ควรปรึกษาและขอคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญทางด้านสายตาและจักษุแพทย์ก่อน

การรักษานอนกรนด้วย CPAP

            ผู้ป่วยที่มีอาการนอนกรนและต้องการรักษาด้วยเครื่องอัดอากาศเพื่อช่วยหายใจขณะนอนหลับ ที่รู้จักกันคือ CPAP (continuous positive airway pressure) ซึ่งการรักษาด้วย CPAP นั้นจะใช้ในกรณีที่ผู้ป่วยมีอาการหยุดหายในขณะหลับอย่างรุนแรง ซึ่งเป็นอาการที่อันตรายมากและควรรีบรักษาโดยด่วน ผู้ป่วยมีอาการระบบหายใจล้มเหลว, มีออกซิเจนในเลือดลดลง และผู้ป่วยที่ไม่ต้องการรักษาโดยการผ่าตัด ซึ่งผู้ป่วยที่มีอาการนอนกรนกลุ่มนี้จะได้รับการรักษาโดยการใช้เครื่อง CPAP แต่มีข้อห้ามในการใช้ ดังนี้

• ช่องจมูกตีบตันมาก
• แรงดันอากาศที่ใช้เปิดช่องทางเดินหายใจสูงเกินไป
• ควรงดใช้ CPAP ชั่วคราว ในขณะที่มีการติดเชื้อในทางเดินหายใจ
• มีลมรั่วเข้าช่องปอด
• ผู้ป่วยปัญญาอ่อนหรือผู้ป่วยโรคจิต

            และนอกจากนี้ยังอาจเกิดภาวะแทรกซ้อนเล็กน้อยจากการใช้ CPAP เช่น อาการระคายเคืองต่อเยื่อบุช่องจมูก, อาการแสบตา เคืองตา ตาแห้ง, ลมเข้ากระเพาะอาหารทำให้ท้องอืด ซึ่งผู้ป่วยส่วนใหญ่ไม่สามารถทนใช้เครื่อง CPAP ในขณะนอนหลับได้เกิน 3 เดิน เพราะรำคาญที่จะต้องใส่หน้ากากนอนทุกวัน

ถุงมือยางกับการป้องกันสารพิษที่ถูกวิธี

            เนื่องจากการทำกิจวัตรประจำวันของมนุษย์เราทุกวันนี้มีส่วนเกี่ยวข้องกับสารเคมี สารพิษ สิ่งสกปรก อยู่ทุกสถานที่ โดยเฉพาะผู้ที่ประกอบอาชีพที่ต้องเสี่ยงต่อการติดเชื้อ หรืออันตรายทางด้านสุขภาพเช่น แพทย์ ผู้ที่อยู่ในอุตสาหกรรม ดังนั้นจึงจำเป็นต้องรู้วิธีการลดปริมาณอัตรเสี่ยงต่างๆ ของสารเคมีได้ดังนี้

• หลีกเลี่ยงการสัมผัสหรือเข้าใกล้สารเคมีที่เป็นอันตรายต่างๆ ทั้งการสัมผัสด้วยการสูดดม หรือการหยิบจับโดยตรง
• ศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับสารเคมีให้เข้าใจถึงอันตราย หรือปฏิกิริยาที่เกิดขึ้นทางเคมีต่อร่างกายให้ถี่ถ้วน
• ศึกษาวิธีการใช้สารเคมี และข้อห้ามต่างๆ พร้อมทั้งปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด
• ใช้เครื่องมือเพื่อป้องกันสารเคมีสัมผัสกับผิวหนัง หรือระเหยเข้าสู่จมูก เช่น ผ้าปิดจมูด ถุงมือยาง แว่นตา ฯลฯ
• ผู้ที่ทำงานเกี่ยวกับสารเคมีอยู่เป็นประจำ ต้องเข้ารับการตรวจสุขภาพร่างกายอยางน้อยปีละหนึ่งครั้ง เพื่อรับรู้ และดูแลรักษาสุขภาพได้ทันท่วงที
• ก่อนใช้สารต่างๆ ผู้ใช้ต้องอ่านฉลากก่อนทุกครั้งเพื่อนำมาปฏิบัติทั้งคำเตือนและสิ่งที่ระมัดระวังเป็นพิเศษ
• หลีกเลี่ยงการพ่น เท สารเคมีลงไปในแม่น้ำ
• เมื่อใช้สารเคมีหมดแล้ว ขวดที่ใช้บรรจุภัณฑ์ความนำไปทิ้งลงถังที่กำกับไว้อย่างชัดเจนว่า ขยะอันตราย

            คำเตือนสำหรับผู้ที่ใช้ถุงมือยางกับการใช้งานในสารพิษหรือสารเคมี ควรเลือกวัสดุที่เป็นฉนวนกัน เพื่อการป้องกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ

5 เหตุผลที่ต้องเสริมจมูก

        ถ้าจะให้พูดถึงต้นความติดในเรื่องของการทำศัลหกรรมหรือการแก้ปัญหาเรื่องความสมดูลย์ สมส่วน ทั้งรูปร่างและหน้าตา แน่นอนว่าหากคนเราเลือกเกิดได้ก็คงใช้นิ้วชื้ว่าจะเครื่อง ตาแบบไหน ปากแบบไหน จมูกแบบไหน โครงหน้าแบบไหน หุ่นแบบไหน ถ้าสามารถเลือกได้ก็คงไม่มีการทำศัลยกรรมเพื่อแก้ไขปัญหาปมด้อยตามแต่กำเนิด และประเทศก็เป็นอีกประเทศหนึ่งที่การศัลยกรรมเสริมจมูกที่นิยมมากเป็นอันดับต้นๆ ซึ่งในบางรายมีการผ่าตัดเสริมจมูกมากกว่า 1 ครั้งเพื่อแก้ไขปรับปรุงให้ได้รูปตามต้องการ เรียกได้ว่าตอนนี้ด้วยหลายๆ เหตุผลและสาเหตุมากมายที่ทำให้จำเป็นต้องทำศัลยกรรมจมูก ดังนี้

1. จมูกหักจากการเกิดอุบัติเหตุ ทำให้ผิดรูปจึงต้องเข้ารับการผ่าตัดแก้ไขให้จมูกเข้ารูปเหมือนเดิม
2. พื้นฐานที่เกินจากกรรมพันธุ์ที่มีจมูกไม่โด่ง หรือค่อยข้างแบน ทำให้เป็นปมด้อย
3. ศัลยกรรมถือว่าสำคัญมากสำหรับผู้ที่มีอาชีพ เป็น ดารา,นักแสดง,พิธีกร,พริตตี้ หรือแม้แต่อาชีพอื่นๆ เพราะจะช่วยเสริมความมั่นใจในการทำงานได้
4. สวยแล้วก็มีการยอมรับของสังคมมากขึ้น มีคนสนใจมากขึ้น ทั้งกลุ่มเพื่อนร่วมงาน ลูกค้า หรือผู้หลักผู้ใหญ่ในสังคม
5. เสริมจมูกช่วยเสริมโหงวเฮ้ง เป็นความเชื่อตามตำราจีน

ดูดไขมัน | ศัลยกรรม “เพิ่มไขมัน” ระบาดอย่างต่อเนื่องที่อังกฤษ

     
        สาวๆ คงรู้ดีว่าการศัลยกรรมด้วยการดูดไขมัน เป็นวิธีนำไขมันออกจากร่างกายที่ได้ผลดีและนิยมกันอย่างแพร่หลายวิธีหนึ่ง แต่ใครจะรู้ว่าเดี๋ยวนี้มีการศัลยกรรมด้วยวิธีการเพิ่มไขมันให้กับร่างกาย แถมในประเทศที่นิยมการศัลยกรรมไม่แพ้ชาติอื่นในโลก อย่างประเทศอังกฤษแล้ว ยังได้รับความนิยมมากกว่าการดูดไขมันออกเสียอีก!
การศัลยกรรมด้วยวิธีการปลูกถ่ายไขมันนั้น คือการโยกย้ายไขมันจากส่วนที่มักใหญ่เกินงาม อย่างต้นแขนและต้นขา มาถ่ายสู่หน้าอก สะโพก รวมถึงใบหน้า เพื่อเสริมความอวบอิ่มและเต่งตึง เพิ่มทรวดทรงโค้งเว้าให้กับรูปร่าง ซึ่งคาดการณืว่าชาวอังกฤษน่าจะได้รับแรงบันดาลใจจากนักร้อง-นางแบบชื่อดัง ที่มีสัดส่วนโค้งเว้าชัดเจน และสะโพกดินระเบิด อย่างเจโล และคิม คาร์ดาเชียน
จากข้อมูลที่ยืนยันว่าการเพิ่มไขมันนิยมมากกว่าการดูดไขมันในประเทศอังกฤษนั้น ดูได้จากยอดการศัลยกรรมปลูกถ่ายไขมันในปีที่ผ่านมาเพิ่มขึ้นจากเดิมถึง 13% ด้วยจำนวนผู้เข้ารับการศัลยกรรม 2,641 ราย เปรียบเทียบจำนวนผู้ที่มาเข้ารับ การดูดไขมัน 2,638 ราย นับเป็นปีแรกในประวัติกาลที่มีผู้เข้ารับการฉีดไขมันเข้าร่างกายมากกว่าไปดูดออกเสียอีก

การดูแลสุขภาพร่างกาย

ขั้นตอนการดูแลสุขภาพสามารถแบ่งได้เป็น 2 ประเภทใหญ่ๆ คือ

1. สุขภาพภายในร่างกายที่ประกอบไปด้วยอวัยวะภายใน และสุขภาพจิต โดยขั้นตอนการดูแลสามารถทำได้ดังนี้
• การพักผ่อนนอนหลับให้เพียงพอ
• การตรวจสุขภาพร่างกายประจำปี
• การเลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย
• หลีกเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์ สูบบุหรี่
• ควรมีช่วงเวลาสำหรับการพักผ่อน เพื่อสูญอากาศที่บริสุทธ์ 
• ทำจิตใจให้แจ่งใส ซึ่งอาจทำได้ด้วยการทำบุญ ตักบาตรที่วัด
• ทำกิจกรรมยามว่าง เช่นปลูกต้นไม้ ดูแลพืชผักสวนครัว
• หากเกิดโรคภัยไข้เจ็บขึ้นจำเป็นต้องเข้ารับการรักษาด้วยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญโดยเร็วที่สุด พร้อมรับประทานยา และหมั่นเข้าพบแพทย์ตามทแพทย์สั่งเสมอ
2. สุขภาพภายนอกร่างกาย สามารถดูแลร่างกายได้ดังนี้
• ออกกำลังการอย่างสม่ำเสมอ อย่างน้อยสัปาห์ละ 4 วัน
• การดูแล ชำระล้างสิ่งสกปรกภายในร่างกายอย่างถูกสุขลักษณ์
• ปรับบุคลิกการดำเนินกิจวัตรประจำวัน เช่นการนั่ง การนอน การยืน หรือการเดิน ซึ่งแต่ละท่าจะช่วยทำให้ร่างกายมีบุคลิกภาพที่ดี 

ปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดนิ่วในไต

อาหารที่ควรรับประทานเพื่อลดปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดนิ่วในไต ได้แก่

• ผักและผลไม้ อาหารประเภทนี้จะช่วยยับยั่งไม่ให้เกิดนิ่วในไต อีกทั้งยังเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ เพื่อปริมาณซิเทรต โพแทสเซียม และความเป็นกรด เป็นด่างของน้ำปัสสาวะได้ดี และที่สำคัญมีไฟเบอร์ช่วยลดแคลเซียมและไขมันในเส้นเลือดได้อีกด้วย
• รับประทานปลา ซึ่งเป็นอาหารที่ช่วยลดปริมาณแคลเซียมและไขมันจากสัตว์
• งดรับประทานอหารที่มีไขมัน 
• ไม่ควรรับประทานอาหารที่มีรสชาดหวานหรือเค็มจนเกินไป
• ลดปริมาณสารอาหารประเภทกรดยูริก ได้แก่ หนังสัตว์ปีกก ตับ ไต 
• ควบคุมอาหารประเภทโปรตีนจากสัตว์โดยเฉพาะในวัยผู้ใหญ่ ไม่ควรรับประทานเกินกว่า 150 กรัมต่อวัน
• หากรับประทานอาหารที่มีโปรตีนสูงโอกาสเสี่ยงที่จะเกิดโรคนิ่วในไตได้สูงขึ้นด้วยเช่นกัน
• หลีกหลี่ยงอาหารประเภทออกซาเลตสูง ได้แก่ งา ผักโขม ถั่ว
• รับประทานอาหารที่มีแคลเซียมสูงเพื่อเข้าไปดูดซับออกซาเลตในปัสสาวะ ซึ่งปกติแล้วตยปกติควรได้รับแคลเซียมสูงถึง 1000 มิลลิกรัมต่อวัน

สลายนิ่วทำได้อย่างไรบ้าง

นิ่วเป็นโรคที่มักตรวจพบได้บ่อย โดยเฉพาะนิ่วในกระเพาะปัสสาวะ ซึ่งในอตีตไม่มีเครื่องมือในการรักษาจึงต้องใช้วิธีการผ่าตัดนำเอาก้อนนิ่วออกมา แต่โดยส่วนใหญ่แล้วก้อนนิ่วสามารถหลุดล้วงออกมาพร้อมกับปัสสาวะได้เอง

ในปัจจุบันนี้มีเครื่องมือสำหรับการสลายนิ่ว ซึ่งสามารถแบ่งได้เป็น 2 ชนิดคือ

• เครื่องมือที่สอดใส่เข้าไปในร่างกาย ซึ่งอาจจะเป็นทางผิวหนัง หรือทางเดินปัสสาวะ เพื่อเข้าไปทำการสลายนิ่วในกระเพาะปัสสาวะ ท่อไต หรือในเนื้อใต โดยการใช้พลังงานอัลตตราโซยิกส์ อิเล็กโทรไฉดรอลิกส์ หรือเรเซอร์
• การปล่อยคลื่นความถี่สูงจากภายนอกร่างกายเข้าไปกระแทกให้ก้อนนิ่วแตก สลาย หลุดออกมา ซึ่งมีอยู่ด้่วยกัน 3 ประเภทคือ spark gap lithotripte, electromagnetic lithotripter และpiezoelectric lithotripter

ซึ่งผู้ป่วยที่มีอาการเสี่ยงที่จะเกิดโรคนิ่วในไตคือ ปัสสาวะขัด, ปัสสาวะแล้วเจ็บหรือปวด, มีเม็ดทรายปะปนมากับน้ำปัสสาวะ, มีเลือดปะปนมากับปัสสาวะ หรือปวดหลัง และเมื่อรักษาให้หายแล้วควรมั่นสังเกตุอาการของตัวท่านเองด้วย เนื่องจากโอกาสที่จะกลับมาเป็นนิ่วใหม่ก็มีอยู่สูงเช่นกัน

ทำความรู้จักกับการฉีดโบท็อกและฟิลเลอร์

การสาวๆ ที่จะตัดสินใจไปฉีดโบท็อกหรือฉีดสารฟิลเลอร์ที่กำลังนิยมฉีดกันมากในขณะนี้ ก่อนอื่นต้องทำความ รู้จักเกี่ยวสารทั้ง 2 ชนิดนี้ก่อน ดังนี้ 1.

1. การฉีดโบท็อก คุณไม่ต้องมีการเตรียมตัวอะไรเป็นมากเลย เพราะการรักษาจะใช้เวลาเพียง 5-20 นาทีเท่านั้น ก่อนทำการฉีดอาจมีการทายาชาให้สำหรับผู้ที่กลัวว่าจะเกิดอาการเจ็บซึ่งจะทายาไว้ประมาณครึ่งชั่วโมงการเริ่มทำการฉีด หลักทำ การฉีดโบท็อกเสร็จเรียบร้อยแล้ว สามารถกลับไปทำงานต่อปกติทันที และต่อไปเป็นการดูแลรักษาเพื่อ การฉีดโบท็อกได้ผลดีและไม่เกิดการผิดพลาดใดๆ 
2. การฉีดสารฟิลเลอร์ที่นิยมใช้กันมากคือ สารกลุ่มไฮยารูโลนิก แอซิด เป็นสารธรรมชาติที่มีอยู่แล้วในผิวหนังมนุษย์ สำหรับ บริเวณที่นิยมใช้สารฟิลเลอร์ได้แก่ ริมฝีปาก ร่องแก้ม ร่องบริเวณมุมปาก ฟิลเลอร์ชนิดไฮยาลูโรนิก แอซิด จะไม่ทำให้เกิดก้อน และโอกาสเกิดการแพ้สารจะน้อยมาก แต่ฟิลเลอร์ต้องฉีดซ้ำเพราะสารฟิลเลอร์จะค่อย ๆ สลายไปตามเวลาซึ่งก็แล้วแต่ชนิดของไฮ ยาลูโรนิก แอซิด ด้วย และโดยปกติสารจะสลายๆ ในช่วง 6 -12 เดือน

การกำจัดขนหน้าแข้งมีวิธีใดบ้าง

ปัญหาเส้นขนที่ไม่เล็กอย่างเส้นขนเลย สาวๆ หลายๆ ท่านที่ปัญหาขนในบริเวณต่างๆ ของร่างกายไม่ว่าจะเป็น ขา แขน หน้าแข้ง รักแร้ หรือเป็นขอบบีกีนี่ เป็นต้นนั้น มีอยู่หลายวิธีกำจัดเส้นขน เช่น การถอน การใช้ครีมขจัดขน การทำเลเซอร์กำจัดขน หรือการปกปิดโดยการย้อมสีขนให้ดูเส้นขนบางลง ก็ได้เช่นกัน 1.

1. การถอนขนหน้าแข้ง เป็นวิธีที่ต้องใช้ความอดทนสูงสักหน่อย เพราะการถอนเป็นวิธีที่ต้องเจ็บตัวนิดๆ และเหมาะสำหรับผู้ที่มี ปริมาณขนไม่มากนัก แต่ต้องของคอนเฟริ์มว่าได้ผลดีมากเพราะวิธีนี้ช่วยลงปริมาณเส้นขนได้ และทำให้ขนเกิดช้าอีกด้วย 2. 
2. การใช้ครีมทาขจัดขน การกำจัดขนด้วยวิธีการใช้ครีมขจัดขนคุณต้องเลือกตัวครีมให้ดีเพราะคุณอาจเกิดอาการแพ้ได้ และผล กระทบต่อมาคือจะทำให้ผิวหนังที่ขาของคุณเสียโฉมก็เป็นได้ ซึ่งคุณต้องระมัดระวังในการใช้และควรทดลองครีมก่อนใช้จะดีกว่า การใช้ครีมขจัดขนนั้นเป็นวิธีที่ทำได้รวดเร็วและหลังทำผิวจะเรียบเนียนขึ้นอีกด้วย 3. 
3. การทำเลเซอร์กำจัดขน เป็นเทคโนโลยีใหม่ที่มีการพัฒนามาสำหรับการกำจัดขนถาวรที่ได้รับความนิยมมาก ในปัจจุบัน การกำจัดขนด้วยวิธีนี้จะไม่ทำให้เกิดการเจ็บหรือมีอาการแสบในขณะทำเลเซอร์ การทำเลเซอร์กำจัดขน สามารถทำได้ทุกบริเวณทุกส่วนของร่างกายที่คุณต้องการกำจัดเส้นขนออกไป เช่น รักแร้, แขน ขา หน้าแข้ง, ขอบบี กินี่ (Bikini line) เป็นต้น หลังทำเลเซอร์กำจัดขน จะช่วยให้ผิวเรียบเนียนขึ้น สังเกตได้เลยว่ารูขุมขนดูกระชับขึ้น 4. 
4. การย้อมสีเส้นขน เป็นวิธีที่ทำได้อย่างรวดเร็ว ไม่เจ็บ และไม่เสี่ยงกับอาการแพ้ ถ้าคุณคิดว่าจะย้อมสีขน ก็ควรเลือกสีให้เหมาะกับสี ผิวชาวเอเชีย เช่น สีน้ำตาล หรือสีน้ำตาลอ่อน ซึ่งจะทำให้ขาของคุณดูสะอาดขึ้นได้

การเตรียมตัวก่อนออกกำลังกาย

การเสริมสร้างสุขภาพร่างกายให้แข็งแรงอย่างสม่ำเสมอ เป็นขั้นตอนที่สำคัญที่สุดสำหรับระบบการทำงานของอวัยวะภายในร่างกาย ซึ่งจำเป็นต้องมีการออกกำลังกายอย่างน้อยสัปดาห์ละ 3-4 วัน ซึ่งประโยชน์ของการออกกำลังกายคือ

• ช่วยทำให้ระบบไหลเวียนของเลือดดี สามารถป้องกันโรคที่เกี่ยวข้องกับการไหลเวียงของเลือดได้เป็นอย่างดี เช่นโรคหัวใจ โรคปอด โรค
• ช่วยให้สุขภาพร่างกายแข็งแรง ไร้กังวลเรื่องไขมันอุดตันในเส้นเลือด 
• ป้องกันโรคอ้วน
• ช่วยลดอาการเครียด
• ช่วยทำให้ร่างกายพักผ่อนได้ดี
• สามารถเสริมสร้างบุคลิกร่างกายให้ดูดี ได้กร้ามเนื้อมาแทนที่ไขมันส่วนเกิน

การเตรียมความพร้อมก่อนออกกำลังกาย คือ

• ร่างกายต้องเป็นปกติ ไม่เจ็บไข้ หรือป่วยอยู่แล้ว เพราะร่างกายของผู้ป่วยมีภูมิคุ้มกันน้อยโรคต่างๆสามารถแทรกซ้อนได้ง่าย
• เสื้อผ้าที่สวมใส่ในขณะออกกำลังกาย ควรเลือกสวมชุดที่มีความทะมัดทะแมง ไม่ใหญ่เกิดไป เพราะจะทำให้การเคลื่อนตัวยาก เป็นอุปสรรค์ต่อการเคลื่อนไหว อาจเป็นอันตรายได้
• ไม่ควรรับประทานอาหารหรือดื่มน้ำก่อน เพราะอาจทำให้เกิดอาการจุด เสียด และเหนื่อยง่าย
• ควรทำการอบอุ่นร่างกายก่อนทุกครั้ง เพื่อให้อวัยวะภายในได้เตรียมความพร้อมก่อน

และเมื่อออกกำลังกายเรียบร้อยแล้วควรอบอุ่นร่างกายก่อน ไม่ควรหยุดเลยทันที เพราะจะทำให้เลือดไปเลี้ยงสมองไม่ทัน และยาลืมดื่มน้ำให้มากๆ เพื่อทดแทนน้ำหรือเหงือที่เสียไป

เลือกทำบัญชีอย่างเป็นระบบ

กิจการหรืองานใดๆก็ตาม เมื่อได้จัดทำบัญชีอย่างเป็นระบบระเบียบแล้วจะทำให้ธุรกิจของท่านมองภาพลัษณ์ทางด้านรายงานด้านงานบัญชีได้ชัดเจนมากยิ่งขึ้น เพราะ การทำบัญชีเป็นเครื่องมือสำคัญที่สุดสำหรับการควบคุมดูแลเรื่องรายรับหรือรายจ่ายทรัพย์สินให้ตรงตามเป้าหมาย หรือแผนการตลาดไว้ ซึ่งการทำสามารถให้บริษัทรับทำบัญชีเป็นผู้จักทำให้ได้ ถือได้ว่าเป็นการเก็บรวบรวมสถิติอย่างหนึ่ง ที่จะช่วยให้ผู้บริหารสามารถควบคุมการดำเนินงานของโปรเจคได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น และยังเป็นเกราะป้องกันความผิดผลาดในการทำงานได้อย่างดี เช่น

• เป็นการบันทึกรายละเอียดเกี่ยวกับรายงานต่างๆ ซึ่งสามารถย้อนกลับมาดูได้
• ช่วยคำนวณผลกำไร ขาดทุนของบริษัท

โดยสามารถแบ่งระบบรับทำบัญชีได้ดังนี้คือ

• ระบบรวมข้อมูลรายการทางด้านการเงิน เช่น ใบส่งสินค้า ใบรับสินค้า ใบเสร็จรับเงิน ใบรับเงิน ใบเบิกเงิน ซึ่งทั้งหมดนี้นำข้อมูลมาบัญทึรายกานทางด้านบัญชี
• ระบบบันทึกรายการด้านการเงินตามลำดับก่อนหลัง
• ระบบการแยกประเภทประเภทบัญชี
• รูปแบบการทำบัญชีด้านงบประมาณ

สำรวจตนเองว่าเป็นโรคภูมิแพ้หรือไม่

             1. อาการของโรคภูมิแพ้ ส่วนใหญ่มักพบผู้ป่วยในช่วงอายุ 20 ปี แต่บางรายเริ่มมีอาการตั้งแต่อายุน้อย อาการแพ้จะเป็นตลอดปีหรือ เป็นเฉพาะฤดู ซึ่งหากคุณเป็นคนที่ช่างสังเกตอาการป่วยของตนเองอยู่เสมอนั้นจะช่วยให้วินิจฉัยโรคง่ายขึ้น หากอาการภูมิแพ้ กำเริบในผู้ป่วยบางรายจะมีอาการคัดจมูก น้ำมูกไหล คันจมูก และจาม ซึ่งหากมีอาการแบบนี้ควรหาผ้าปิดจมูกไว้เพื่อไม่ให้เชื้อโรคแพร่กระจายไปสู่คนอื่นได้ แต่บางรายมีอาการระคายเคืองตา และมีน้ำตาไหล ใต้ตาบวมคล้ำ

              2. สิ่งกระตุ้นที่ทำให้เกิดอาการภูมิแพ้ เช่น ฝุ่นละออง ฝุ่นควันรถยนต์ ควันไฟจากการเผาไหม้ ควันบุหรี่ กลิ่นสี กลิ่นแรงๆ ละออง จากธูป ขนสัตว์ ไรฝุ่น ซึ่งมักจะพบมากกับผู้ป่วยที่เป็นภูมิแพ้ตลอดปี และควรสังเกตอาการด้วยว่าตนเองมีอาการภูมิแพ้เมื่อเข้า ใกล้กับสิ่งใด และหากผู้ป่วยที่ทราบว่าตนเองมีอาการแพ้แล้วควรใช้ผ้าปิดจมูกหรืออยู่ให้ห่างจากสิ่งนั้น เพราะจะทำให้เป็นมีอาการแพ้รุนแรงขึ้น 

             3. ผู้ป่วยโรคภูมิแพ้มักจะมีโรคร่วมแทรกซ้อน ไซนัสอักเสบ หูชั้นกลางอักเสบ โรคนอนกรน ฟันกร่อนเนื่องจากนอนกัดฟัน ริดสีดวง จมูก ผิวหนังอักเสบ โรคหอบหืด หากไม่ควบคุมอาการอาจจะทำให้โรคหอบหืดหรือโรคผิวหนังกำเริบ 

             4. ผู้ที่มีพ่อแม่เป็นโรคภูมิแพ้ ก็มีโอกาศเป็นโรคภูมิแพ้สูง หรือบางรายอาจจะไม่มีประวัติแพ้ในครอบครัว อาจเกิดจากปัจจัยอื่น

             5. สภาพแวดล้อมที่ทำให้เกิดอาการภูมิแพ้ ที่มีหลายปัจจัย เช่น ไรฝุ่น รา สัตว์เลี้ยง ควัน และสิ่งแวดล้อมในที่ทำงานหรือโรงเรียนที่อาจจะทำให้เกิดภูมิแพ้ได้เช่นกัน ซึ่งสามารถป้องกันได้เบื้องต้นโดยการสวมหน้ากากอนามัยหรือผ้าปิดจมูกขณะอยู่ในพื้นที่เสี่ยง

อาการแพ้ยางและข้อควรปฏิบัติ

                 ในปัจจุบันมีผู้ป่วยที่เข้ารับการรักษาเกี่ยวโรคผิวหนังกันมาก และบางรายมีอาการแพ้สิ่งต่างๆ ที่สัมผัสแล้วเกิดการระคายเคือยต่อผิวหนัง แม้บ้างรายมีการป้องกันโดยการสวมถุงมือยางแล้วแต่ก็มีการแพ้ถุงมือ มีผื่นแดงขึ้น หรือเป็นตุ่มน้ำ เป็นต้น การแพ้ยางในปัจจุบันพบมากในกลุ่มผู้ที่มีความจำเป็นต้องใช้ถุงมือในการปฏิบัติงานหรือทำกิจวัตรประจำวัน เช่น แม่ค้าขายอาหาร ขายผัก หรืออาชีพที่ต้องอยู่กับความชื้น เป็นต้น ซึ่งอาการแพ้ยางจากถุงมือนั้นจะแบ่งได้ดังนี้

อาการแพ้ยางมี 2 ชนิด

1. แพ้แบบลมพิษ เป็นการแพ้โปรตีนของยาง ซึ่งมีอาการตั้งแต่ลมพิษธรรมดา, หายใจลำบาก จนถึงขั้นเสียชีวิตได้ 2. 
2. แพ้แบบผิวหนังอักเสบ เป็นการแพ้ต่อสารที่ใส่ในขบวนการผลิตยาง ซึ่งจะเป็นตุ่มมีลักษณะนูนแดง และน้ำใสเล็กๆ 

หากเกิดอาการแพ้ยางควรปฏิบัติตนอย่างไร 1.

1. หากคุณมีความจำเป็นที่จะต้องใช้ถุงมือเพื่อทำกิจวัตรในแต่ละวันนั้น ขอแนะนำว่าไม่ควรใช้ถุงมือยางเพื่อป้องกันอาการแพ้ยาง ควรใช้ถุงมือพลาสติกธรรมดาทั่วไปจะดีกว่า หรือหากจำเป็นต้องสวมถุงมือยางจริงๆ ก็ควรที่จะใช้ถุงพลาสติกหุ้มมือไว้เสียก่อนแล้วค่อยสวมถุงมือที่เป็นยางทับอีกทีก็สามารถทำได้เช่นกัน 2. 
2. ห้ามหรือหลีกเลี่ยงการสัมผัสยางให้มากที่สุด 3. 
3. หากคุณสัมผัสกับยางแล้วเกิดอาการคัน บวม เป็นผื่นแดง หรือหายใจลำบาก ควรรีบพบแพทย์ และรีบแจ้งหมอด้วยว่าคุณมีการแพ้ยางให้หมอทราบ เพื่อให้ระมัดระวังหรือหลีกเลี่ยงการใช้อุปกรณ์แพทย์ที่เป็นยาง โดยเฉพาะถุงมือยางที่ใช้ด้านการแพทย์

สุขภาพดี ต้องหมั่นตรวจสุขภาพร่างกายให้เป็นประจำ

การตรวจสุขภาพร่างประจำปีเป็นสิ่งที่ทุกคนทุกท่านไม่ควรมองข้าม เพราะหลายคนที่ไม่ยอมเข้ารับการตรวจสภาพร่างกายรอจนกว่าจะเกิดอาการที่ผิดปกติจึงเข้ารับการรักษา ซึ่งในบางครั้งหรือในผู้ป่วยบางรายก็เกิดอาการหนักจนเกินกว่าที่จะเยียวยารักษาได้แล้ว ดังนั้นการตรวจสุขภาพจะเป็นการบ่งบองถึงสุภาพร่างกายของคนราได้เป็นอย่างดี

โดยผู้ที่จะตรวจเช็คสุขภาพควรเตรียมตัวก่อนเพื่อให้การตรวจสุขภาพสามารถวินิจฉัยหรือตรวจการทำงานของร่างกายว่าผิดเพี้ยนไปจากปกติมากหรือน้อยเพียงใด เช่น ไม่ควรนอนดึก ไม่ดื่มสุราหรือกาแฟ เพราะเป็นส่วนทำให้ความดันเลือดสูงวกว่าความเป็นจริง จึงอาจทำให้การตรวจคาดเคลื่อนได้ และสำหรับท่านที่ต้องตรวจวัดระดับน้ำตาลและไขมันในเลือด ควรงดน้ำและอาหารก่อนเจาะเลือด 8 ชั่วโมง เป็นต้น

หรือหากท่านที่ต้องการตรวจนิ่วในไต ซึ่งต้องมีการเก็บปัสสาวะ วิธีการคือปัสสาวะช่วงแรกทิ้งแล้วเก็บปัสสาวะช่วงกลาง ส่วนผู้หญิงที่มีประจำเดือนไม่ควรตรวจหานิ่วในไต แต่หากต้องการตรวจให้แจ้งเจ้าหน้าที่ให้ทราบก่อน

สำหรับผู้ที่ต้องเข้ารับการเอกเรย์ ไม่ควรใส่เครื่องประดับที่เป็นโลหะ และผู้ที่ตั้งครรภ์ไม่ควรเอกกซเรย์โดยเด็ดขาด

สุขภาพของผู้หญิงที่ควรระวัง

โรคที่มักตรวจพบได้บ่อยกับผู้หญิง คือโรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบ เนื่องจากผู้หญิงเรามีท่อปัสสาวะที่สั้นและใกล้กับรูทวารหนักมากกว่าผู้ชาย จึงทำให้เชื่อแบคทีเรียสามารถเข้าไปฝังหรือแผ่เชื้อได้ดีกว่า โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่ที่มีอายุครรภ์ในช่วง 2-3 เดือนแรก, กลั้นปัสสาวะบ่อย หรือเป็นเวลานานๆ, ใช้ห้องน้ำที่ผิดสุขลักษณะหรือไม่สะอาดและนอกจากนี้แล้วผู้ที่แต่งงานใหม่ก็มีโอกาสเสี่ยงเกิดโรคฮันนีมูน ซึ่งเกิดจากการฟกช้ำจากการร่มเพศ และเกิดการอักเสบของท่อปัสสาวะ

อาการโดยทั่วไปของผู้ที่เสี่ยงต่อการเกิดโรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบคือ

• ปัสสาวะกระปริบกระปรอย
• ปัสสาวะบ่อย แต่มีปริมาณน้อย
• มีอาการขัด เคืองขณะปัสสาวะ
• ปวดท้องน้อย 
• ปัสสาวะมีสีเข้ม บางรายอาจมีเลือดปะปนมาด้วย
• ปัสสาวะมีหลิ่นเหม็น

ดังนั้นท่านที่มีอาการเสี่ยงดังที่ได้กล่าวไปแล้วนั้น ควรเข้ารับการวินิจฉัยหรือตรวจเช็คร่างกายได้จากทางโรงพยาบาลที่มีความเชี่ยงชาญโดยตรง หากปล่อยทิ่้งไว้นานๆ โดยไม่ได้รับการรักษาให้หายขาด อาจลุกลามไปถึงไตได้